ในยุคที่การค้าขายออนไลน์และตลาด E-commerce เติบโตขึ้นมาก จนทำให้การทำธุรกิจซื้อขายไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศอีกต่อไป การส่งของไปฮ่องกงจึงกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของทั้งผู้ประกอบการและคนทั่วไป เพราะในฐานะศูนย์กลางการค้าและการเงินของเอเชีย ฮ่องกงถือเป็นประตูสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าขายกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการส่งพัสดุไปต่างประเทศเพื่อธุรกิจ หรือส่งของให้เพื่อนและครอบครัวที่ทำงาน หรืออาศัยอยู่ที่เมืองนั้นๆ
และด้วยความที่ฮ่องกงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน ทำให้บางคนอาจเข้าใจว่าการส่งของไปฮ่องกงจะใช้กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว การส่งของไปฮ่องกงนั้นมีจุดสำคัญที่แตกต่างและไม่ควรมองข้าม บทความนี้จะมาแนะนำตั้งแต่ขั้นตอน ค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และข้อกำหนดต่างๆ ในการส่งของไปต่างประเทศที่ฮ่องกง เพื่อให้ของสำคัญของคุณ ส่งถึงมือผู้รับได้อย่างมั่นใจ
การส่งของไปฮ่องกง ต่างจากส่งของไปจีนอย่างไร?
สิ่งที่ทำให้การส่งของไปฮ่องกงแตกต่างจากการส่งไปจีนแผ่นดินใหญ่ คือ ฮ่องกงถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่ปลอดภาษี (Free Trade Zone) ไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ ในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่มีระบบภาษีและข้อกำหนดที่ซับซ้อนกว่า นอกจากนี้ ฮ่องกงยังคงใช้ระบบกฎหมายและการปกครองแยกต่างหากภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” หรือ “One Country, Two Systems” ทำให้การส่งพัสดุไปต่างประเทศไปยังฮ่องกงมีความสะดวกและรวดเร็วกว่าการส่งไปยังประเทศจีนโดยตรง และยังแตกต่างไปจากการส่งของไปอเมริกา ส่งของไปเยอรมันหรือการส่งของไปสิงคโปร์
ช่องทางและวิธีการส่งของไปฮ่องกง มีอะไรบ้าง?
การส่งของไปฮ่องกงสามารถเลือกใช้วิธีขนส่งหลักได้ทั้ง 3 ประเภท ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และใช้เวลาส่งของไปฮ่องกงกี่วันบ้าง
การขนส่งทางอากาศ
เป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการส่งของไปฮ่องกง โดยใช้เวลาขนส่งเพียง 2-5 วันทำการ เหมาะสำหรับสินค้าเร่งด่วน สินค้ามูลค่าสูง หรือสินค้าที่เน่าเสียง่าย อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่าวิธีการอื่น ทำให้อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะสมสำหรับการขนส่งสินค้าจำนวนมาก
การขนส่งทางเรือ
เป็นทางเลือกที่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด ใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน เหมาะสำหรับสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หรือสินค้าที่ไม่เร่งด่วน เป็นการส่งของไปฮ่องกงที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการส่งสินค้าจำนวนมาก
การขนส่งทางบก
เป็นการขนส่งทางรถยนต์ผ่านจีนแผ่นดินใหญ่ใช้เวลาประมาณ 5-10 วัน มีต้นทุนปานกลาง แต่อาจมีข้อจำกัดเรื่องประเภทสินค้าและความซับซ้อนของพิธีการศุลกากรในประเทศที่ผ่านทาง และแม้ว่าฮ่องกงจะเป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่การขนส่งระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกงยังคงต้องผ่านพิธีการศุลกากรแยกต่างหาก เนื่องจากระบบ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ทำให้อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้
การส่งของไปฮ่องกงมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ค่าส่งของไปต่างประเทศ จากประเทศไทยไปยังฮ่องกง จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะน้ำหนัก ขนาด และประเภทของบริการที่เลือกใช้ หากต้องการทราบว่าค่าใช้จ่ายในการส่งของไปฮ่องกงกี่บาทนั้น บริษัทขนส่งมักจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
-
การคำนวณน้ำหนัก: บริษัทขนส่งจะใช้น้ำหนักจริงของพัสดุ หรือน้ำหนักมิติ (Dimensional Weight) ที่พิจารณาทั้งน้ำหนัก และขนาดกว้าง-ยาว-สูงของพัสดุร่วมด้วย
-
ประเภทสินค้าและพัสดุที่ขนส่ง: หากเป็นสินค้าอันตราย หรือสินค้าเปราะบาง ก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการดูแลและการส่งของไปฮ่องกง
-
ช่วงเวลา: การส่งของในช่วง Peak Season ที่มีปริมาณพัสดุมากกว่าปกติ เช่น ช่วงเทศกาลต่างๆ อาจทำให้ค่าส่งสูงขึ้นได้
-
บริการเสริมต่างๆ: เช่น ประกันภัยการขนส่ง ระบบติดตามพัสดุ การชำระเงินปลายทาง (Cash on Delivery, COD)
ข้อกำหนดและสิ่งของต้องห้ามในการส่งของไปฮ่องกง
การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งของไปฮ่องกง มีข้อกำหนดและข้อห้ามที่ผู้ส่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการติดขัดหรือเกิดการยึดของที่ด่านศุลกากร ที่นอกจากจะทำให้การขนส่งล่าช้าแล้ว ยังอาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้อีกด้วย
สิ่งของต้องห้ามในการส่งของไปฮ่องกง
-
สิ่งเสพติดและยาต้องห้าม: รวมถึงสารเสพติดผิดกฎหมายทุกประเภท
-
อาวุธปืน อาวุธ และวัตถุระเบิด: รวมถึงกระสุนปืน อาวุธอันตราย และดอกไม้ไฟ
-
สินค้าปลอมและละเมิดลิขสิทธิ์: เช่น กระเป๋าแบรนด์เนมปลอม นาฬิกาปลอม
-
สัตว์มีชีวิตและผลิตภัณฑ์จากสัตว์บางประเภท: เช่น งาช้าง เนื้อสัตว์บางชนิด เพื่อป้องกันโรคติดต่อและคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
-
สื่อลามกอนาจาร: สื่อที่ไม่เหมาะสมหรือลามกอนาจารทุกประเภท
-
วัตถุอันตราย: เช่น ของเหลวไวไฟ สารกัดกร่อน และสารเคมีพิษ
สิ่งของที่ต้องมีการขออนุญาตในการส่งของไปฮ่องกง
สิ่งของเหล่านี้สามารถส่งของไปฮ่องกงได้ หากมีใบอนุญาต เอกสารรับรอง หรือการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฮ่องกง ได้แก่
-
ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ: ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมสาธารณสุขฮ่องกง
-
อาหารและผลิตภัณฑ์การเกษตร: เนื้อสัตว์ดิบ ผลไม้สด ผัก และผลิตภัณฑ์นมบางชนิดต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมการอาหารและสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมฮ่องกง
-
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ: สินค้าเหล่านี้ต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง และต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมศุลกากรและสรรพสามิตฮ่องกง
-
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแบตเตอรี่: อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ลิเธียม เช่น โน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน และแบตเตอรี่สำรอง จะมีข้อกำหนดเข้มงวดในการขนส่งทางอากาศเพื่อป้องกันไฟไหม้
-
พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช: การนำเข้าพืช เมล็ดพันธุ์ และดินถูกจำกัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและศัตรูพืชท้องถิ่น
-
เงินสดและของมีค่า: เงินสด ธนบัตร เหรียญ และเครื่องประดับมีค่าหรือพลอยไม่สามารถส่งผ่านบริการไปรษณีย์หรือขนส่งทั่วไปได้ ต้องใช้บริการขนส่งแบบพิเศษที่มีความปลอดภัยสูงและมีข้อกำหนดการรายงานที่เข้มงวด
เอกสารที่จำเป็นสำหรับการส่งของไปฮ่องกง มีอะไรบ้าง?
การส่งของไปฮ่องกงจะต้องใช้เอกสารต่างๆ ดังนี้
เอกสารหลักที่จำเป็น
-
Commercial Invoice: ใบแจ้งหนี้ที่ระบุรายละเอียดสินค้า ราคา และข้อมูลผู้ส่ง-ผู้รับ
-
Packing List: รายการบรรจุภัณฑ์ที่แสดงรายการสินค้าในแต่ละกล่องหรือหีบห่อ
-
Airway Bill/Bill of Lading: ใบขนส่งสินค้าจากบริษัทขนส่ง ทำหน้าที่เป็นสัญญาระหว่างผู้ส่งและผู้ขนส่ง
-
หากเป็นการขนส่งทางเรือ จะเรียกว่า Bill of Lading หรือ B/L
-
หากเป็นการขนส่งทางอากาศ จะเรียกว่า Airway Bill
เอกสารเพิ่มเติม
-
Certificate of Origin: ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (หากต้องการใช้สิทธิพิเศษทางภาษี)
-
ใบอนุญาตพิเศษ: สำหรับสินค้าควบคุมต่างๆ (หากจำเป็น)
การส่งของไปฮ่องกง เสียภาษีไหม?
เนื่องจากฮ่องกงเป็นเขตเศรษฐกิจที่ปลอดภาษี ทำให้ฮ่องกงไม่มีการเก็บภาษีอากรสินค้านำเข้าหรือส่งออก รวมถึงไม่มีการเรียกเก็บภาษีซื้อ ภาษีขาย ภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับการส่งของส่วนใหญ่ ในขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่จะมีภาษีนำเข้าที่หลากหลายตามประเภทสินค้าที่ซับซ้อนมากกว่า
อย่างไรก็ตาม การส่งของไปฮ่องกงยังมีสินค้า 4 ประเภทหลักที่ยังคงเก็บภาษีสรรพสามิตอยู่ ได้แก่ สุรา ยาสูบ น้ำมัน และเมทิลแอลกอฮอล์ ที่จะต้องเสียภาษีตามอัตราที่กำหนด
วิธีติดตามพัสดุและจัดการปัญหาเมื่อส่งของไปฮ่องกง
เมื่อทำการส่งของไปฮ่องกงกับทางบริษัทขนส่งแล้ว หนึ่งในขั้นตอนสำคัญ คือ การติดตามสถานะพัสดุ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าหรือพัสดุของคุณจะส่งถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัย และหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น การรับทราบและเข้าใจวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ก็จะช่วยให้คุณป้องกันความเสียหาย และได้รับการดูแลชดเชยโดยเร็วที่สุด
การติดตามพัสดุ
ในปัจจุบัน ระบบติดตามพัสดุที่ขนส่งมีความทันสมัยและสะดวกสบายมากขึ้น โดยผู้ส่งจะได้รับหมายเลขติดตามพัสดุ (Tracking Number) จากบริษัทขนส่งที่เลือกใช้บริการ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ตามช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ แอปพลิเคชันของบริษัทขนส่ง หรือการแจ้งเตือนสถานะพัสดุผ่าน SMS หรืออีเมล พร้อมกับการอัปเดตสถานะแบบ Real-time ตลอดเส้นทางการขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นการส่งของไปฮ่องกงหรือการส่งของไปอังกฤษ
การจัดการเมื่อพัสดุเสียหายหรือสูญหาย
หากเกิดปัญหาพัสดุเสียหายหรือสูญหายขึ้น ผู้ส่งต้องแจ้งปัญหาให้บริษัทขนส่งทราบภายใน 7-14 วันนับจากวันที่ได้รับของ หรือรับทราบสถานะที่ผิดปกติ และเตรียมหลักฐานที่สำคัญ ได้แก่ รูปภาพสินค้าก่อนส่งและหลังได้รับ ใบเสร็จการซื้อสินค้า ใบขนส่ง และเอกสารประกันภัยหากมีการทำประกันสินค้า กระบวนการเรียกร้องค่าเสียหาย จะใช้เวลาประมาณ 14-30 วันทำการ และอาจใช้เวลาน้อยกว่าหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของกรณี
การประกันภัยสินค้า
การประกันภัยสินค้าระหว่างขนส่ง จะมีตั้งแต่การประกันพื้นฐานที่ให้ความคุ้มครองตามมาตรฐานสากล ไปจนถึงการประกันเต็มมูลค่าสำหรับสินค้าที่มีราคาสูง โดยการคำนวณค่าประกันภัยโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 0.5-2% ของมูลค่าสินค้า
เคล็ดลับการส่งที่ปลอดภัย
เพื่อลดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายหรือสูญหายระหว่างการขนส่ง ผู้ส่งควรบรรจุหีบห่อพัสดุให้แข็งแรง ใช้วัสดุกันกระแทกที่เหมาะสม มีการระบุที่อยู่ ข้อมูลของทั้งผู้รับและผู้ส่งให้ชัดเจน ครบถ้วน รวมถึงการเลือกใช้บริการส่งของไปฮ่องกงกับบริษัทขนส่งที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์การขนส่งต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนและฮ่องกง มีบริการเสริมที่ช่วยอำนวยความสะดวก และผู้ส่งเอง ก็ควรเก็บหลักฐานการส่งไว้จนกว่าของจะถึงผู้รับเรียบร้อย เพื่อใช้อ้างอิงหรือเรียกร้องค่าเสียหายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
การส่งของไปฮ่องกงในปัจจุบันมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ด้วยตัวเลือกช่องทางการขนส่งที่หลากหลาย ระยะทางที่ไม่ไกลจากประเทศไทยนัก นโยบายการค้าเสรีที่ไม่เก็บภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ และระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาดไปยังเอเชียตะวันออก เพราะการทำความเข้าใจเรื่องค่าใช้จ่าย ระยะเวลา ข้อกำหนด และวิธีจัดการปัญหา จะช่วยให้การขนส่งสินค้าเป็นไปได้ด้วยดีและประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
เลือก FBA Easy พาร์ทเนอร์ที่ใช่ สำหรับการส่งของไปต่างประเทศ
FBA Easy คือ บริษัทขนส่งต่างประเทศที่ครอบคลุมตั้งแต่การส่งเอกสาร ส่งพัสดุไปต่างประเทศ และจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศครอบคลุมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นส่งของไปอเมริกา ยุโรป หรือเอเชีย พร้อมทางเลือกการขนส่งที่หลากหลายทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล ผ่านความร่วมมือกับบริษัทขนส่งชั้นนำกว่า 10 ราย รวมถึงมีบริการ Amazon FBA การจัดส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และเยอรมัน FBA Easy ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องส่งของไปต่างประเทศ
ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
LINE: @kartonexpress
Email: admin@karton.express
Facebook: www.facebook.com/fbaeasy