ในยุคดิจิทัลที่การซื้อขายออนไลน์ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก การส่งของไปสิงคโปร์ได้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เพื่อขยายและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ หรือการส่งของฝากให้ญาติมิตรที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ด้วยความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และความสัมพันธ์ทางการค้าที่แน่นแฟ้น ทำให้การขนส่งต่างประเทศระหว่างไทยและสิงคโปร์มีตัวเลือกที่หลากหลาย และมีกฎเกณฑ์สำคัญที่ควรปฏิบัติตาม บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการส่งของไปสิงคโปร์ให้มากขึ้น ตั้งแต่วิธีการขนส่ง ค่าส่งของไปต่างประเทศ เอกสารที่จำเป็น ข้อกำหนดพิเศษ และเคล็ดลับการเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมสำหรับการส่งพัสดุไปต่างประเทศของคุณ
วิธีการส่งของไปสิงคโปร์ที่นิยม มีอะไรบ้าง
การส่งของไปสิงคโปร์สามารถทำได้ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่ การขนส่งทางทะเลด้วยเรือ การขนส่งทางบกด้วยรถยนต์ และการขนส่งทางอากาศด้วยเครื่องบิน ซึ่งแต่ละวิธีต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า งบประมาณ และระยะเวลาที่ต้องการ
การส่งของไปสิงคโปร์ทางเรือ
การส่งของไปสิงคโปร์ทางเรือ เป็นหนึ่งในตัวเลือกการขนส่งต่างประเทศที่ประหยัดที่สุดสำหรับสินค้าขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก การขนส่งทางเรือจะใช้เวลาตั้งแต่ 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ถือว่าค่อนข้างนานกว่าการขนส่งรูปแบบอื่นๆ
ข้อดีของการขนส่งทางเรือ
-
ต้นทุนขนส่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น
-
สามารถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่และน้ำหนักมากได้
-
เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่เร่งด่วน
ข้อควรระวังของการขนส่งทางเรือ
-
ใช้เวลานานกว่าวิธีอื่นๆ
-
สิ่งของอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศในทะเล
การส่งของไปสิงคโปร์ทางรถ
ส่งของไปสิงคโปร์ทางรถ เป็นการขนส่งสิงคโปร์-ไทยทางบก โดยใช้เส้นทางผ่านประเทศมาเลเซียไปยังสิงคโปร์ วิธีนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วมากกว่าทางเรือแต่ประหยัดกว่าทางอากาศ มีระยะเวลาในการขนส่งโดยประมาณ 3-5 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการผ่านพิธีการศุลกากรและสภาพการจราจรตามเส้นทาง
ข้อดีของการขนส่งทางรถ
-
ระยะเวลาขนส่งตั้งแต่หลักวัน จนถึงหลักสัปดาห์
-
เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วมากกว่าทางเรือ
ข้อควรระวังของการขนส่งทางรถ
-
ต้องผ่านพิธีการศุลกากรของ 3 ประเทศ (ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์)
-
อาจเกิดความล่าช้าจากการจราจรและสภาพอากาศ
-
การขนส่งอาจติดขัดจากการปิดชายแดน
การส่งของไปสิงคโปร์ทางอากาศ
การขนส่งทางอากาศเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการส่งของไปสิงคโปร์ เหมาะสำหรับสินค้าเร่งด่วน สินค้ามูลค่าสูง หรือสินค้าที่เน่าเสียง่าย ส่วนมากใช้เวลาเพียง 1-3 วันในการขนส่ง
ข้อดีของการขนส่งทางอากาศ
-
ความรวดเร็วในการขนส่งสูง ใช้เวลาเพียง 1-3 วัน
-
ความปลอดภัยสูง ความเสี่ยงต่อการสูญหายน้อย
-
เหมาะสำหรับสินค้ามูลค่าสูงและสินค้าเร่งด่วน
ข้อควรระวังของการขนส่งทางอากาศ
-
ค่าใช้จ่ายสูงที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ
-
มีข้อจำกัดเรื่องขนาดและน้ำหนักของพัสดุ
-
มีสินค้าบางประเภทที่ห้ามขนส่งทางอากาศ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการส่งของไปสิงคโปร์
ในการส่งของไปสิงคโปร์ ราคาค่าใช้จ่ายต่างๆ มักขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคา
-
น้ำหนักสินค้า: การคิดค่าขนส่งโดยส่วนใหญ่ มักประเมินจากน้ำหนักของสินค้า ยิ่งสินค้ามีน้ำหนักมาก ค่าขนส่งจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
-
ขนาดและรูปทรงของพัสดุ: พัสดุที่มีขนาดใหญ่เกินมาตรฐาน หรือมีรูปทรงที่กว้างยาวไม่เท่ากัน อาจทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการพื้นที่พิเศษในการจัดเก็บและขนส่งพัสดุชิ้นนั้นๆ
-
ประเภทและลักษณะของสินค้า: สินค้าอันตราย สินค้าแตกหักง่าย สินค้าควบคุมอุณหภูมิ และสินค้ามูลค่าสูงจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการการดูแลเป็นพิเศษและการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด
-
วิธีการขนส่งที่เลือกใช้: วิธีการขนส่งแต่ละประเภทจะมีค่าขนส่งที่แตกต่างกัน เช่น การขนส่งทางเรือจะมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าทางอากาศ เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ควรพิจารณา
-
การประกันการขนส่ง: การส่งพัสดุแบบมีประกัน ราคาค่าส่งอาจเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5-2% ของมูลค่าสินค้า ขึ้นอยู่กับระยะทางและความเสี่ยง เช่น ความเสียหายจากการขนส่ง การสูญหาย และเหตุสุดวิสัย แต่จะไม่รวมความเสียหายจากการบรรจุหีบห่อที่ไม่เหมาะสม
-
ค่าธรรมเนียมศุลกากรไทย: ค่าดำเนินการขนส่งออก ค่าตรวจสอบเอกสาร และค่าธรรมเนียมต่างๆ ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและความซับซ้อนของเอกสาร
-
ค่าภาษี GST: ภาษี GST (Goods and Services Tax) เป็นหนึ่งในภาษีนำเข้าของสิงคโปร์ ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ โดยเรียกเก็บในอัตรา 9% จากมูลค่า CIF บวกภาษีสรรพสามิต (หากมี)
-
ค่าจัดเก็บสินค้าที่คลัง (หากมี): หากสินค้าต้องมีการพักไว้ที่คลัง ในกรณีที่ผู้รับไม่สามารถรับของได้ทันทีหรือติดปัญหาเอกสารในการนำเข้า ก็อาจมีค่าจัดเก็บสินค้าเพิ่มเติม
เงื่อนไขและข้อบังคับในการส่งของไปสิงคโปร์
การส่งของไปต่างประเทศไปยังสิงคโปร์มีข้อกำหนดเฉพาะที่ผู้ส่งควรทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างราบรื่น ถูกกฎหมาย และไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
สินค้าที่สามารถส่งได้
สินค้าทั่วไปส่วนใหญ่ที่สามารถส่งไปสิงคโปร์ได้ เช่น
-
สินค้าทั่วไป
-
เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย
-
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ที่มีมาตรฐาน)
-
เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
-
ของใช้ในบ้านและของตกแต่ง
-
หนังสือและสื่อการเรียนรู้
-
อาหารและเครื่องดื่ม
-
อาหารแห้งและขนมไทย
-
เครื่องเทศและส่วนผสมอาหาร
-
อาหารกระป๋องและผลิตภัณฑ์แปรรูป
-
เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
-
ผลไม้อบแห้ง
สินค้าต้องห้ามและถูกจำกัด
สิงคโปร์มีการควบคุมการนำเข้าสินค้าบางประเภทอย่างเข้มงวด ดังนี้
-
สินค้าที่ห้ามนำเข้าโดยเด็ดขาด ได้แก่
-
สิ่งเสพติดทุกประเภท รวมถึงกัญชาและสารที่มี CBD
-
หมากฝรั่ง (ยกเว้นชนิดรักษาโรคที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสิงคโปร์)
-
บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ยาเส้นยาสูบ และผลิตภัณฑ์คล้ายยาสูบทุกชนิด
-
เขาแรดและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
-
อาวุธปืนและเครื่องกระสุน
-
สื่อลามกอนาจารและ Sex Toy
-
วัตถุระเบิดและสารไวไฟทุกชนิด
-
สัตว์มีชีวิตบางประเภทและวัตถุทางชีวภาพ
-
สิ่งของลอกเลียนแบบและละเมิดลิขสิทธิ์
-
สินค้าที่ต้องได้รับการอนุญาตเป็นพิเศษ ได้แก่
-
ยารักษาโรคและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (เฉพาะบางชนิด)
-
ผลิตภัณฑ์จากสัตว์และเนื้อสัตว์ (ต้องได้รับการรับรองจาก SFA)
-
สารเคมีและวัสดุอันตราย หรือวัตถุกัมมันตรังสี
-
อุปกรณ์โทรคมนาคมและเครื่องใช้ไฟฟ้า บางชนิดต้องมี Safety Mark หรือผ่านมาตรฐานของสิงคโปร์)
-
พืช เมล็ดพันธุ์ และสัตว์เลี้ยง (ต้องมีเอกสารรับรองหรือใบอนุญาตนำเข้า)
เอกสารที่จำเป็นและขั้นตอนการส่ง
การเตรียมเอกสารที่ครบถ้วนและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการส่งของไปสิงคโปร์ โดยมีเอกสารที่จำเป็นและขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ดังนี้
เอกสารพื้นฐานที่จำเป็น
-
Commercial Invoice: ใบแจ้งหนี้ หรือเอกสารแสดงรายการสินค้า เป็นเอกสารที่ระบุรายละเอียดสินค้า ราคา และข้อมูลผู้ส่ง-ผู้รับ
-
Packing List: ใบกำกับหีบห่อ เป็นเอกสารแสดงรายการสินค้าในบรรจุภัณฑ์หรือการขนส่งแต่ละครั้ง
-
Bill of Lading: ใบตราส่งสินค้า เป็นเอกสารที่แสดงหลักฐานการรับสินค้าและการขนส่งต่างๆ แบ่งเป็น Bill of Lading (B/L) สำหรับใบตราส่งสินค้าทางเรือ และ Airway Bill (AWB) สำหรับใบตราส่งสินค้าทางเครื่องบิน
-
Certificate of Origin: เอกสารยืนยันถิ่นกำเนิดของสินค้า กรณีที่ต้องการใช้สิทธิพิเศษในการลดหย่อนภาษี
ขั้นตอนการดำเนินการส่งเบื้องต้น
-
ผู้ส่งติดต่อบริษัทขนส่งเพื่อขอราคาและจองบริการ
-
ผู้ส่งเตรียมเอกสารและบรรจุสินค้าตามมาตรฐาน
-
ผู้ส่งส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของบริษัทขนส่ง
-
สินค้าผ่านพิธีการศุลกากรขาออกในประเทศไทย
-
สินค้าถูกขนส่งไปยังสิงคโปร์ผ่านช่องทางที่เลือก
-
สินค้าผ่านพิธีการศุลกากรขาเข้าสิงคโปร์
-
สินค้าถูกส่งมอบให้ผู้รับปลายทาง
วิธีการติดตามของและระบบติดตาม
ระบบติดตามแบบ Real-time เป็นบริการมาตรฐานที่บริษัทขนส่งสมัยใหม่ต้องมีสำหรับการส่งของไปสิงคโปร์ ผู้ส่งจะได้รับหมายเลข Tracking Number เพื่อติดตามสถานะการขนส่งตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัทขนส่ง รวมถึงบริการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อสถานะการขนส่งเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่รับของจากผู้ส่ง ขนส่งออกจากประเทศไทย เข้าสู่สิงคโปร์ ผ่านพิธีการศุลกากร จนส่งมอบให้ผู้รับ
การจัดการเมื่อของเสียหายหรือสูญหาย
หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ผู้ส่งต้องรีบแจ้งให้บริษัทขนส่งทราบทันทีเมื่อตรวจพบความเสียหาย การเตรียมเอกสารสำหรับการเคลมรวมถึงใบเสร็จการส่ง รูปถ่ายความเสียหาย และหลักฐานมูลค่าสินค้า ระยะเวลาในการดำเนินการแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน โดยทั่วไปใช้เวลา 7-30 วันทำการ การทำประกันภัยสินค้าจะช่วยคุ้มครองความเสี่ยงและให้ค่าชดเชยตามมูลค่าที่ประกัน โดยเฉพาะสำหรับสินค้ามูลค่าสูงที่มีความเสี่ยงในการขนส่ง
ภาษีนำเข้าและค่าธรรมเนียมศุลกากรในการส่งของไปสิงคโปร์
สิงคโปร์มีระบบภาษีที่ค่อนข้างเรียบง่าย สินค้าส่วนใหญ่ไม่มีภาษีนำเข้า ยกเว้นสินค้าบางประเภท เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และรถยนต์ อย่างไรก็ตาม สินค้าทุกประเภทต้องเสียภาษี GST (Goods and Services Tax) ในอัตรา 9% โดยคำนวณจากมูลค่า CIF (Cost + Insurance + Freight) บวกกับค่าภาษีนำเข้า (หากมี) แล้วคูณด้วยอัตราภาษี GST
โครงสร้างภาษีหลัก:
-
GST (Goods and Services Tax): 9% สำหรับสินค้าทุกประเภท
-
ภาษีสรรพสามิต (Excise Tax): เฉพาะสินค้าประเภทพิเศษ
-
เกณฑ์ยกเว้น GST: สินค้ามูลค่าไม่เกิน 400 ดอลลาร์สิงคโปร์
สินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต:
-
รถยนต์: คำนวณจากมูลค่า CIF ในอัตราร้อยละ 20
-
ยาสูบ: 352 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อกิโลกรัม
-
บุหรี่: 38.8 เซนต์สิงคโปร์ต่อกรัมต่อมวน
-
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: คิดตามปริมาณและความแรงของแอลกอฮอล์
-
ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม: คิดตามปริมาณ เช่น น้ำมันไร้สารตะกั่ว 7.10 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดคาลิตร
วิธีคำนวณภาษีเบื้องต้น
-
คำนวณจากมูลค่า CIF (Cost + Insurance + Freight)
-
บวกด้วยค่าภาษีสรรพสามิต (หากมี)
-
คูณด้วยอัตรา GST 9%
ตัวอย่างการคำนวณภาษี
-
สินค้าทั่วไป มูลค่า 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์
-
GST = 1,000 × 9% = 90 ดอลลาร์สิงคโปร์
-
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความแรง 5% จำนวน 75 ลิตร
-
ภาษีสรรพสามิต = 75 × (16+60) × 5% = 285 ดอลลาร์สิงคโปร์
-
GST = 285 × 9% = 25.65 ดอลลาร์สิงคโปร์
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการและผู้ส่งก็ควรตรวจสอบประเภทสินค้ากับบริษัทขนส่งหรือกรมสรรพสามิตว่าสินค้าของเรานั้นจะต้องเสียภาษีใดบ้าง
เลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมสำหรับการส่งของไปสิงคโปร์
การเลือกบริษัทขนส่งที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความสำเร็จของการส่งของไปสิงคโปร์ ส่งของไปอเมริกา หรือประเทศอื่นๆ บริษัทที่ดีควรมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง มีประสบการณ์ในการขนส่งระหว่างประเทศ พร้อมด้วยระบบติดตามที่ทันสมัย บริการลูกค้าที่ดี และการส่งมอบที่ตรงเวลา รวมถึงมีบริการเสริมต่างๆ เช่น การดำเนินพิธีการศุลกากร การประกันภัยสินค้า และการให้คำปรึกษาเรื่องข้อกำหนดการนำเข้า
โดย FBA Easy เป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งที่ให้บริการครบวงจร พร้อมทีมงานมืออาชีพและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการดูแลการขนส่งของคุณ พร้อมให้บริการจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศครอบคลุมทั่วโลก และทางเลือกวิธีการขนส่งตามต้องการ เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไป
การส่งของไปสิงคโปร์ ไม่ใช่เรื่องยากหากเข้าใจขั้นตอนและข้อกำหนดที่ถูกต้อง การเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าและงบประมาณ การเตรียมเอกสารที่ครบถ้วน และการเลือกบริษัทขนส่งที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้การขนส่งของคุณราบรื่นและประสบความสำเร็จ
เลือก FBA Easy พาร์ทเนอร์ที่ใช่ สำหรับการส่งของไปต่างประเทศ
FBA Easy คือ บริษัทขนส่งต่างประเทศที่ครอบคลุมตั้งแต่การส่งเอกสาร ส่งพัสดุไปต่างประเทศ และจัดส่งสินค้าระหว่างประเทศครอบคลุมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นส่งของไปอเมริกา ยุโรป หรือเอเชีย พร้อมทางเลือกการขนส่งที่หลากหลายทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล ผ่านความร่วมมือกับบริษัทขนส่งชั้นนำกว่า 10 ราย รวมถึงมีบริการ Amazon FBA การจัดส่งสินค้าไปยังคลังสินค้าของ Amazon ในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และเยอรมัน FBA Easy ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องส่งของไปต่างประเทศ
ติดต่อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
LINE: @kartonexpress
Email: admin@karton.express
Facebook: www.facebook.com/fbaeasy